วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

8 โครงการประหลาดของ CIA

- หน่วยข่าวกรองกลาง ซีไอเอ (The Central lntelligence Agency-CIA) เป็นองค์การที่รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาสถาปนาขึ้นเมื่อ ค.ศ.1947 มีหน้าที่แสวงหาข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกา เสนอประธานาธิบดีซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลกลางมองเห็นสถานการณ์ของโลกทั้งภายในและภายนอกประเทศได้ ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อนำไปใช้ประกอบการวางนโยบายต่างประเทศที่ให้ผลถูกต้องแน่นอน 

- ในหลายปีที่ผ่านมา CIA เป็นองค์กรที่ได้ยอมรับว่ามีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากในหน่วยงานของรัฐบาลของโลก ด้วยความซับซ้อนและมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างง่ายดาย แต่กระนั้นซีไอเอก็ยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นองค์กรที่มีความคิดโครงการที่หลุดโลก โรคจิต จนไม่น่าเชื่อว่านี้คือความคิดของคนฉลาดที่คิดกัน ผลคือบางโรงการนั้นล้มเหลวและสูญเงินนับล้าน และบางโครงการผิดกฎหมายและไร้สาระ และนี้คือ 8 สุดยอดโครงการไร้สาระของซีไอเอดังกล่าว 




8. Acoustic Kitty 




- ในปี 1960 คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของซีไอเอได้เปิดตัวโครงการที่จะใช้สัตว์มาเป็นสายลับ โดยพยายามที่จะใช้แมวในภารกิจสอดแนม โดยใช้แบตเตอรี่และไมโครโฟนขนาดเล็กผ่าตัดฝังลงไปในแมวและเสาอากาศฝังเข้าไปในหางของแมวเพื่อสามารถบันทึกเสียง นอกจากนั้นยังฝึกนิสัยของแมวใหม่เพื่อสามารถปฏิบัติภารกิจได้เช่นความรู้สึกของแมวต่อความหิวโดยถูกแก้ไขในการดำเนินการอย่างอื่น โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณถึง 20,000,000 ดอลลาร์ โดยภารกิจแรกคือการแอบฟังสถานทูตโซเวียต ถนน วิสคอนซิน ในกรุง วอชิงตัน ดีซี เพื่อฟังพวกคอมมิวนิสต์พูดคุยกัน ผลปรากฏว่าภารกิจนี้ล้มเหลวเพราะแมวถูกตีและถูกแท็กซี่ทับตายทันที ผลสรุปคือโครงการไม่มีใครเอามาพูดถึงอีกเลย 


7. Operation Northwoods 






- ในช่วงศตวรรษที่ 1960 เมื่อสงครามเย็นก่อตัวขึ้นความหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ได้อาละวาดไปทุกหย่อมหญ้าทั่วโลก ทำให้ซีไอเอมีแผนลับขึ้นนั่น คือ ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์ โดยการใช้ข้อมูลลวงเพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ สร้างภาพว่าเป็นฝีมือจากการก่อการร้ายของคิวบาภายใต้การนำของคาสโตร โดยการดำเนินงานคือการสร้างความหวาดกลัวต่อคอมมิวนิสต์ในเขตไมอามี่ ฟลอริดาและเมื่ออื่นๆ แม้แต่ในวอชิงตัน ความน่ากลัวของแผนนี้ก็คือการใช้ประชาชนมารับเคราะห์นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือ, วางระเบิด, จลาจลปลอมๆ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการทหารเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐบาลคิวบาและสร้างเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันให้ใช้ กำลังทหารโจมตีคิวบา นี้คือตัวอย่างของแผนการ

- การวางระเบิดเครื่องบินพาณิชย์ที่บินจากอเมริกาสู่ประเทศในแถบอเมริกาใต้ โดยมีเส้นทางใกล้น่านฟ้าประเทศคิวบา ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำที่ถูกเลือกจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางไปพักผ่อน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นเยาวชน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อตอกย้ำว่าคาสโตรสามารถสังหารได้แม้กระทั่งประชาชนผู้บริสุทธิ์

- การนำชาวคิวบาขึ้นเรือทำทีว่าลักลอบออกนอกประเทศเพื่อขอลี้ภัยในอเมริกา ระหว่างที่เรือลอยกลางทะเลก็จัดการยิงให้จมแล้วป้ายความผิดให้กับคิวบาว่าเป็นผู้ไล่ล่าเรือลี้ภัย

- วางระเบิดจุดสำคัญๆบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และฟลอริดา จากนั้นจับตัวชาวคิวบาที่ลี้ภัยมาอยู่ในอเมริกา ป้ายความผิดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

- สร้างเหตุการณ์โจมตีเรือรบหลวง โดยนำเรือรบไปล่องในอ่าวใกล้กับเมืองฮาวาน่าแล้วระเบิดทิ้ง เลียนแบบเหตุการณ์ในปี ค.ศ.1898 เรือรบอเมริกาถูกจมโดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอเมริกันนับล้านให้มาสมัครเป็นทหารอาสาเข้าร่วมรบในสงครามสเปนิช-อเมริกัน

แผนการดังกล่าวถูกร่างและลงนามโดยหัวหน้าร่วมแล้วนำไปเสนอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ผลปรากฏว่าเขาปฏิเสธและถูกยกเลิกแผนนี้ในภายหลัง หากแต่หลังจากนั้นมีความเชื่อว่าแผนดังกล่าวนั้นมีการทำอย่างลับๆ และหนึ่งในเหตุการณ์ที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้คือการลอบสังหารเคนเนดี้





6. Project Pigeon 







- มันอาจเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้วสำหรับโครงการที่เรียกว่า “จรวดนำวิถี นกพิราบ” มันเป็นหนึ่งในโครงการทางทหารที่ดูเหมือนจะประหลาดที่สุดอีกโครงการในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเริ่มมีความคิดมาจากนายบี. เอฟ. สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) นักจิตวิทยาพฤติกรรมที่มีความคิดแหวกแนวว่ารัฐน่าจะลองฝึกนกพิราบให้ควบคุมจรวดนำวิถีจรวดเข้าสู่เป้าหมาย(นกพิราบกามิกาเซ่) โดยโครงการดังกล่าว ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ Organic control หรือ "ควบคุมโดยสิ่งมีชีวิต" โดยโครงการดังกล่าวจะใช้จรวดที่ออกแบบโดยข้างในจรวดจะมีห้องควบคุมจรวดโดยนกพิราบ ซึ่งนกพิราบดังกล่าวจะมาฝึกให้จดจำเป้าหมาย โดยถ้าเห็นภาพเป้าหมายให้ทำการจิก ที่ตรงกลางแผงควบคุม จรวดนำวิถีจะพุ่งตรงไปด้านหน้าและนกพิราบจะไม่หยุดเป้าหมายจนกวาดตรวดจะระเบิดหรือมันจะตายเสียก่อน ซึ่งตอนแรกโครงการนี้ได้งบการวิจัย 25,000 เหรียญสหรัฐในสมัยนั้น หากแต่ต่อมาไม่นานโครงการนี้ก็เลิกล้มเพราะว่ามีการใช้จรวดแบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแทนที่ และจรวดนำวิถีนกพิราบก็ไม่เคยถูกนำมาใช้ในสงครามนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว



5. Operation Gold 







- หนึ่งในโครงการที่ดำเนินงานบ้าบิ่นที่สุดในช่วงสงครามเย็น โดยตั้งชื่อว่า “แผนทองคำ” ในช่วงปี 1953 ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างซีไอเอและอังกฤษ (Secret Intelligence Service) โดยการดักฟังสายโทรศัพท์ของสำนักงานใหญ่ของโซเวียตที่กรุงเบอร์ลิน โดยขุดอุโมงค์ยาวกว่า 450 เมตรตัดกับทางแยกโทรศัพท์ใต้ดิน โดยเริ่มต้นขุดในวันที่ 2 กันยายน 1954 ถึง 25 กุมภาพันธ์ปีถัดไป โดยซีไอเอสามารถดักจับบันทึกการสนทนามากถึง 50,000 การสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงเกิบหนึ่งปี หากแต่ต่อมาในปี 1956 โซเวียตก็ได้พบอุโมงค์ดังกล่าวและปิดลง ซีไอเอสิ้นงบประมาณแบบไร้ค่าแถมโดนด่าไปทั่วโลกด้วย



4. Project MKULTRA 







- โครงการเอ็มเคอัลทราหรืออีกชื่อหนึ่งว่า CIA mind-control research program เป็นชื่อรหัสลับที่เป็นการทดลองลับๆ ที่ผิดกฎหมายของหน่วยข่าวกรองกลางและสืบราชการลับของสหรัฐ"ซีไอเอ" พยายามปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้ประชาชนรู้ โดยโครงการนี้เป็นการทดลองในมนุษย์ที่ดำเนินการโดยสำนักงานวิทยาศาสตร์ของ รัฐบาลสหรัฐ โดยเริ่มขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1950 โดยดำเนินถึงปลายปี 1960 โดยใช้ชาวอเมริกันและแคนาดาเป็นตัวทดลอง

- จุดประสงค์ของโครงการเอ็มเคอัลทราคือเป็นการศึกษาและทดลอง"การควบคุมพฤติกรรมมนุษย์" โดยใช้สารเคมีและสารชีวภาพ เพื่อนำมาดัดแปลงใช้ทำอาวุธสงครามแรกเริ่มเดิมทีนั้น ซีไอเอ ไม่ได้คิดจะสร้างอาวุธชนิดนี้ พวกเขาเพียงแต่กลัวว่าประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐจะใช้อาวุธเคมีและ ชีวภาพในการทำสงคราม พวกเขาจึงต้องทำการศึกษาเตรียมไว้ก่อนเพื่อจะได้ป้องกันและแก้ไขแก่ สถานการณ์ภายภาคหน้าเอาไว้

- การทดลองนี้ไม่ใช่มีแต่ซีไอเอเท่านั้น หากแต่ยังมีหน่วยข่าวกรองของกองทัพและหน่วยข่าวกรองของสำนักงานอื่นๆ ของรัฐบาลด้วย พวกเขาจะคอยแลกข้อมูลที่ได้จากการทดลองกัน ซึ่งการทดลองนี้ถือเป็นการทดลองลับสุดยอดขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ซีไอเอ ยังไม่ทราบเลยว่ามีการทดลองนี้ในหน่วยงานของเขา ผู้ที่ทราบเรื่องก็จะมีแต่นายแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมการทดลองเท่า นั้น สำหรับวิโครงการนี้การทดลองในช่วงแรกนั้นทำขึ้นที่ ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติด เล็กซิงตัน (Lexington Rehabillitation Center) ซึ่งปัจจุบันก็คือสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ (National Institute of Mental Health) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักโทษอาสาสมัครคดียาเสพติดนักโทษเหล่านี้จะต้องเซ็นชื่อยินยอม อนุญาตให้นำสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาได้ จากนั้นพวกเขาก็ได้รับสารเสพติดชนิดเดียวกับที่พวกเขาแต่ละคนติด

- จากหลักฐานที่เผยแพร่พบว่าโครงการนี้ใช้วิธีต่างๆ มากมายที่จะจัดการสภาพจิตใจของบุคคลและปรับเปลี่ยนการทำงานของสมองโดยการใช้ ยาหลายประเภทรวมทั้งวิธีการต่างๆ มาทดลองกับคนทดลองเพื่อเปลี่ยนแปลงจิตใจและสมอง เช่น การใช้ยาเสพติด สารเคมีอื่นๆ การละเมิดทางวาจาและทางเพศ โดยไม่สนจะว่าอาสาสมัครเต็มใจหรือไม่

- ต่อมาก็มีทดลองโดยฉีดยาหลอนประสาท LSD((Lysergic acid diethylamide) ให้กับลูกจ้างซีไอเอ ทหาร แพทย์ ข้าราชการ โสเภณี ผู้ป่วยจิตเวช และบุคคลทั่วไปจำนวนหนึ่งซึ่งมีหลายระดับชนชั้นตั้งแต่อาชญากรชั้นต่ำไปจน ถึงระดับไฮโซ มีทั้งคนอเมริกันและคนต่างชาติ เพื่อศึกษาฤทธิ์ของยา LSD ซึ่งคนที่ทดลองบางคนก็ยินยอม บางคนไม่ได้รับเนื้อหาการทดลอง และบางคนไม่ยอมให้ตนเองมาทดลองกับโครงการนี้ แต่กระนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและวุฒิสมาชิกต่างก็พากัน ปฏิเสธกันให้พัลวันว่าไม่มีการทดลองที่ผิดศีลธรรมและจรรยาดังกล่าว

- แล้วโครงการนี้ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนในปี 1975 สภาคองเกรสสหรัฐได้แต่งตั้งคนเพื่อสืบสวนคดีนี้ หากแต่ในปี 1973 ผู้มีอำนาจสูงสุดซีไอเอ สั่งให้ทำลายไฟล์ทั้งหมด ทำให้เอกสารเกี่ยวกับโครงการนี้ถูกทำลายเผาไหม้ไปด้วย ทำให้ไม่มีหลักฐานว่ามีการทดลองนี้เกิดขึ้นจริงในซีไอเอ




3. The Stargate Project 







- โครงการสตาร์เกทหรือจะเรียกว่าโครงการสายรับพลังจิตคงไม่ผิดนัก โดยเป็นชื่อรหัสของโครงการย่อยที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐเพื่อการศึกษาการมองระยะไกลโดยอาศัยพลังจิต (Remote Viewing) เพื่อนำมาใช้จริงโดยประยุกต์ทางการทหารและงานสืบราชการลับ เช่น สามารถใช้พลังจิตในการมองเห็นระยะไกลเพื่อบอกตำแหน่งสิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งที่ซุกซ่อนในตัวอาคารได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติ(ประมาณว่าถอดจิต)และญาณทิพย์ โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1970 ถึง 1995 (ซีไอเอยกเลิกเอง) โดยมีข่าวลือที่มาโครงการว่าทางโซเวียตได้มีการวิจัยอาวุธพลังจิต ทำให้สหรัฐตัดสินใจเพื่อศึกษาหาความเป็นไปได้นั้นโดนตอนแรกใช้งบประมาณถึง 20,000,000 ดอลลาร์ ในการศึกษาพวกที่มีความสามารถพลังพิเศษดังกล่าว และครั้งหนึ่งก็เคยมีการทดลองพลังจิตนี้มาใช้งานจริงๆ ด้วย เช่นในสงครามเวียดนามมีการใช้นักพลังจิตเป็น "ผู้นำทาง" (Point Man) ทำหน้าที่นำกองทหารระหว่างที่อยู่ในเขตของข้าศึก เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักและการซุ่มโจมตี



2. Operation Mongoose 








- ในยุค 60 ต้น คอมมัวนิสต์คิวบากลายเป็นหนึ่งในกำลังรบสำคัญของสงครามเย็น และนายพลฟิเดล คาสโตรกลายเป็นนักการเมืองที่อันตรายที่สุดในโลกในขณะนั้น ทำให้การสหรัฐมีแผนที่จะล้มล้างคาสโตรแต่ก็ล้มเหลวหลายโครงการ จนกระทั้งมาถึงสมัยจอห์น เอฟ เคนเนดี้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1961(หลังล้มเหลวจากแผนบุกอ่าวหมู) ก็ปฏิบัติการเชิงรุกลับๆ โดยดำเนินการโดยเอ็ดเวิร์ด แลนส์เดล (Edward Lansdale) หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญทางด้านยุติการต่อต้านของนักปฏิวัติ ภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติพังพอน” โดยโครงการนี้เป็นสงครามลับที่จะโฆษณาชวนเชื่อ สงครามจิตวิทยาและก่อวินาศกรรมเพื่อให้คาสโตรลงจากอำนาจ เช่นการปล่อยข่าวว่า ฟิเดล คาสโตร นั้นเป็นพวกนอกศาสนา เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ จากนั้นก็สร้างความเชื่อถือต่อข่าวลือให้เกิดขึ้นโดยการ "สร้างภาพ" เพื่อให้ชาวบ้านเชื่อว่าพระเยซู ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อกำจัดคนนอกศาสนาโดยยิงฟอสฟอรัสขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนกลางคืน เพื่อเลียนแบบเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น หรือการทำลายพืชผลผลิตอ้อยของประเทศคิวบา นอกจากนี้ยังมีการลอบสังหารแบบแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็มฉีดยาในรูปของปากกา ใส่แบททีเรียวัณโรคในผ้าเช็ดหน้าหรือกาแฟของเขา ใส่ยาพิษในปากกาหมึกซึมหรือไอศกรีม แต่ที่บ้าที่สุดคงจะเป็นแผนสังหารคาสโตรโดยการทำซิการ์ระเบิด(หรือใส่ยาพิษ) ในยี่ห้อที่เขาชื่นชอบ และแผนนี้ถูกยกเลิกจากการตกลงระหว่างเคนเนดี้กับโซเวียตในเวลาต่อมา



1. The Bay of Pigs Invasion 








- นี่คือแผนที่ไร้สาระและไร้ประโยชน์น่าอับอายขายหน้ามากที่สุดของซีไอเอ “การบุกอ่าวหมู” มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พยายามที่จะโค่นล้มนายพลคัสโตรแห่งคิวบาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จและขายหน้าที่สุด มันเริ่มต้นตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ (พฤษภาคม ค.ศ.1960) แต่ได้มาปฏิบัติการจริงในสมัยประธานาธิบดีเคนเนดี เนื่องจากประธานาธิบดีไม่อนุญาตให้มีการทิ้งระเบิดแบบปูพรม เมื่อซีไอเอภายใต้การอนุมัติได้พยายามโค่นล้มรัฐบาลคิวบา โดยหนุนหลังผู้ลี้ภัยชาวคิวบาจำนวนหลายคนมาฝึกอบรมพิเศษโดยซีไอเอ จากนั้นวันที่ 17 เมษายน 1961 ทางการสหรัฐได้ขนส่งกองกำลังสะเทินน้ำสะเทินบกที่บาเฮีย เดอ โคชิโนสในฝั่งทะเลตอนใต้ของคิวบา และเริ่มขนถ่ายสินค้าของพวกเขาก็คือชาวคิวบาที่ถูกลี้ภัยที่ฝึกพิเศษจำนวนกว่า 1,300 คนเข้าประเทศคิวบา แต่แผนการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่กะผิดจังหวะอย่างน่าอนาถ เริ่มจากข่าวกรองของคิวบารู้การบุกรุกนี้มานานแล้วและเริ่มตอบโต้ อีกทั้งแผนนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ทำให้ถูกทหารของนายพลคัสโตรปราบปรามอย่างรวดเร็วเพียง 3 วัน(ฝ่ายสหรัฐตาย 118 คน ถูกจับ 1202 คน) นายพลคัสโตรจับฝ่ายกบฎได้ทั้งหมด และส่งทหารอเมริกันกลับสหรัฐเพื่อแลกกับอาหารและยา ค.ศ.1962) ทำให้เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐ จอห์น เอฟ เคนเนดีและนำไปสู่การเกิดวิกฤตการณ์คิวบา (Cuban Missile Crisis: 1962)



Credits : Cammy

http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=295 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น